คำตอบ :  การตaคำตอบ : โรคต้อกระจกเกิดจากความขุ่นของเลนส์แก้วตา ซึ่งปกติแล้วเลนส์แก้วตาควรจะใส เมื่อโปรตีนในเลนส์แก้วตาเสื่อมสภาพ จะทำให้เลนส์ขุ่นลง ส่งผลให้แสงผ่านได้น้อยลงรวจภายในจะช่วยค้นหาความผิดปกติของอวัยวะภายในของสตรีและตรวจคัดกรองความเสี่ยงของมะเร็ง อวัยวะสืบพันธุ์ต่างๆ เช่น ปากมดลูก,รังไข่ เป็นต้น ตลอดจนช่วยวางแผนด้านอนามัยเจริญพันธุ์ต่างๆ เช่น การมีบุตร การวางแผนครอบคัว เป็นต้น

คำตอบ : การมองเห็นจะมัวลงคล้ายมองผ่านกระจกฝ้า โดยอาการจะค่อยๆ แย่ลงอย่างช้าๆ โดยไม่มีอาการปวด เมื่อโรคต้อกระจกรุนแรงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการใช้สายตาในชีวิตประจำวัน รวมถึงการขับรถตอนกลางคืน นอกจากนี้ ในบางกรณี ต้อกระจกที่รุนแรงขึ้นอาจทำให้ค่าสายตาสั้นลงมากขึ้นอีกด้วย

คำตอบ :  สาเหตุหลักของต้อกระจกคือความเสื่อมตามวัย ซึ่งมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ การได้รับรังสีต่างๆ (อัลตราไวโอเลต เอ็กซเรย์ อินฟราเรด) อุบัติเหตุที่ดวงตา โรคทางตา เช่น ม่านตาอักเสบติดเชื้อ ต้อกระจกแต่กำเนิด และการใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน

คำตอบ :  หลีกเลี่ยงแสงแดด รังสี และความร้อนสูง ป้องกันอุบัติเหตุต่อดวงตา หลีกเลี่ยงการใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และงดสูบบุหรี่

คำตอบ : สามารถทำได้โดยการผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Phacoemulsification) ร่วมกับการใส่เลนส์แก้วตาเทียม