คำตอบ :  ไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากไวรัสเดงกี มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ มียุงลายเป็นพาหะ ทำให้มีไข้สูง ปวดเมื่อย และอาจมีเลือดออก หากรุนแรงอาจทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้

คำตอบ :  โรคไข้เลือดออกป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกยุงกัด เช่น นอนในมุ้ง ทายากันยุง สวมเสื้อแขนยาว และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่น คว่ำภาชนะที่มีน้ำขัง เปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ยุงวางไข่

คำตอบ :  วัคซีนไข้เลือดออกมี 2 ชนิด คือ Dengvaxia (ฉีดได้เฉพาะคนที่เคยเป็นแล้ว) และ Qdenga (ฉีดได้ทั้งคนที่เคยหรือไม่เคยเป็นไข้เลือดออก)

คำตอบ :  วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองในปัจจุบัน เช่น วัคซีน Qdenga (ควอดเดงกา) ต้องฉีดทั้งหมด 2 เข็ม โดยเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 3 เดือน ฉีดได้ทั้งคนที่เคยหรือไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และไม่ต้องตรวจภูมิก่อนฉีด อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน เพื่อประเมินความเหมาะสมตามช่วงอายุ และสุขภาพของแต่ละบุคคล

คำตอบ : วัคซีนไข้เลือดออกเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 4 – 60 ปี โดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือเคยป่วยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว หรืออยู่ในกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็ก

คำตอบ :  วัคซีนไข้เลือดออก ไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100% แต่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรค สำหรับวัคซีน วัคซีน Qdenga ฉีดครบ 2 เข็ม มีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกจากทุกสายพันธุ์ประมาณ 80%

คำตอบ :  ผลข้างเคียงที่พบได้หลังฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ได้แก่ ปวดบวมบริเวณที่ฉีด มีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ซึ่งมักหายได้เอง แต่หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หรือผื่นลมพิษ ควรรีบพบแพทย์

คำตอบ :  วัคซีนไข้เลือดออกสามารถฉีดร่วมกับวัคซีนอื่นได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และอาจต้องเว้นระยะห่างระหว่างวัคซีนเพื่อความปลอดภัยและให้ร่างกายตอบสนองต่อวัคซีนแต่ละชนิดได้อย่างเหมาะสม ลดความสับสนเรื่องผลข้างเคียง 

คำตอบ :  ถึงแม้เคยเป็นไข้เลือดออกแล้ว ก็ยังควรฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์อื่นที่อาจรุนแรงกว่า